Wednesday, August 26, 2009

ตลึง!!! ผีเสื้อแดงคุกกองปราบฯ เฮี้ยนสั่งตาย!

ลือผีผูกคอตายคาห้องขังกองปราบฯ เฮี้ยนไม่เลิก หลอกผู้ต้องขังหนุ่มใหญ่ปล่อยกู้โหดขวัญกระเจิง แถมชวนผูกคอตาย เจ้าตัวร้องลั่นให้สิบเวรช่วย เผยผู้ต้องหาหลายรายถูกหลอกให้ผูกคอตายนับไม่ถ้วน แถมบางคนเหม่อลอยผูกคอในห้องขัง แต่ตำรวจช่วยไว้ทัน เจ้าหน้าที่-ผู้ต้องขังผวา ระบุเคยทำบุญส่งวิญญาณแต่ยังคงวนเวียนอยู่



ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ขณะที่ ด.ต.บุญเยี่ยม ลอย แก้ว สิบเวรหน้าห้องขังกองปราบฯ กำลังเข้า เวรได้ยินเสียง นายสมบูรณ์ ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ และให้กู้ยืมเงินโดย เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และแอบอ้างเป็น ด.ต. ประสงค์ ตำรวจกองปราบฯ
การณ์สยองขวัญสั่นประสาทที่เกิดขึ้นภายในห้องขังกองบังคับการกองปราบปราม เกี่ยวกับวิญญาณเฮี้ยนของ ผู้ต้องหาคดีข่มขืนหลานสาว ที่ผูกคอตายในห้องขังของกองปราบปราม ตามหลอกหลอนผู้ต้องหาหลายคนที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องขังดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นที่ทราบกันดีในกองปราบฯ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ต้องขังหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ แต่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากวิญญาณที่ร่ำลือหลอกหลอน หรือเกิดจากอาการจิตวิตกคิดกันไปเอง

ล่าสุดความเฮี้ยนของ วิญญาณดวงนี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับผู้ต้องขังในคดีกรรโชกทรัพย์ ที่ถูกควบคุมตัวในห้องขังของกองบังคับการกองปราบปราม โดยเปิดเผยเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ขณะที่ตำรวจสิบเวร รักษาการณ์หน้าห้องขังภายในกองปราบปราม ปรากฏว่าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากนายสมบูรณ์ ทองคำ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ และให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยอ้างตัวเป็นตำรวจ กก.1 บก.ป.ขู่ลูกหนี้ ซึ่งถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงรีบไปดูที่บริเวณห้องขังเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อสิบเวรคนดังกล่าวไปถึงหน้าห้องขัง พบว่านายสมบูรณ์อยู่ในอาการหวาดผวา เหมือนถูกผีหลอก จึงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมร้องเสียงดังโวยวาย นายสมบูรณ์เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณตีสาม ขณะนอนหลับได้สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดที่ขา ด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นจึงหรี่ตามองดู พบว่ามีชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีแดง อายุประมาณ 40 ปี มานั่งที่ปลายเท้า และพยายามพูดชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน พร้อมทั้งสั่งให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟัน ด้วยความมึนงง เหมือนมีอาการเหม่อลอย รู้สึกเหมือนได้ไปอาบน้ำ แปรงฟัน

นายสมบูรณ์เล่าให้ตำรวจฟังต่อว่า หลังมีอาการเหม่อลอย จึงล้มตัวลงนอน ระหว่างนั้นฉุกคิดขึ้นมาว่า ภายในห้องขังอยู่คนเดียว จึงรู้สึกเอะใจมองกวาดไปรอบๆ แต่ไม่พบชายคนดังกล่าวแล้ว จึงคิดว่าฝันไปมากกว่า แต่เมื่อล้มตัวลงนอนอีกครั้งกลับได้ยินเสียกระซิบดังข้างหูว่า ให้ไปนับซี่ลูกกรง เลือกเอาว่าจะเอาซี่ไหน ก่อนจะสอนวิธีการผูกคอตายเพื่อให้พ้นผิด โดยเสียงนั้นบอกว่าให้ฉีกเสื้อออก แล้วนำไปผูกเข้ากับลูกกรง

นายสมบูรณ์ยังเล่าอีกว่า เมื่อได้ยินเสียงกระซิบหนักเข้าก็เริ่มรู้สึกกลัวมาก จึงร้องตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่สิบเวรที่เฝ้าอยู่ที่หน้าห้องขังให้เข้ามาช่วย เหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาจึงขอร้องให้นำเอาออกมาขังไว้ที่หน้าห้องขัง รวมทั้งขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยโทรศัพท์ตามเพื่อนให้มานอนเฝ้าที่หน้าห้อง ขังด้วย เพราะไม่กล้ากลับเข้าไปนอนในห้องเดิมอีก อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อมาเวลา 09.30 น. พ.ต.ท.ไสว แช่มลำเจียก พงส. (สบ 3) บก.ป. นำตัวนายสมบูรณ์ไปฝากขังที่ศาลอาญาทันที ทำให้นายสมบูรณ์มีสีหน้าที่โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้องขังกองปราบปราม มีผู้ต้องหาผูกคอตายมาแล้ว 3 ราย รายแรกเป็นวัยรุ่น ต้องคดีพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเราแฟนตัวเอง แต่สิบเวรช่วยไว้ทัน รายที่ 2 นายฉลาด เสนารัตน์ อายุ 40 ปีต้องคดีข่มขืนหลานสาวอายุ 11 ขวบจนท้องและคลอดลูก ใช้เสื้อผูกคอตาย รายที่ 3 นายศักดิ์ชัย อุตตะละ อายุ 50 ปีอาจารย์โรงเรียนบ้าน คำตานา จ.สกลนคร ต้องคดีข่มขืนลูกศิษย์วัย 13 ปีใช้กางเกงผูกคอตัวเอง แต่สิบเวรช่วยไว้ได้ก่อน แต่ต่อมานายศักดิ์ชัยก็กลับไปผูกคอตาย ที่บ้าน นอกจากนี้มี นายพิพัฒน์ แนบเนียน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาปลอมบัตรเครดิต จู่ ๆ ก็มีอาการชักดิ้น ร้องโหยหวน แต่เพื่อนผู้ต้องหาช่วยไว้ได้โดยบอกว่าเห็นชายสวมเสื้อยืดสีแดงมานั่งอยู่ใน ห้อง!!!


***เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ตำรวจ และสื่อมวลชนขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีข่าวความเฮี้ยนของ ผีในห้องขังแห่งนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยหลังจากมีผู้ต้องหาผูกคอตายในห้องขังแล้ว จากนั้นต่อมาอีกไม่นานก็มีผู้ต้องหาหลายคนพยายามผูกคอตายอีกสามครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือได้ทัน 2 ราย ส่วนอีกรายช่วยเหลือได้ แต่กลับไปผูกคอตายที่บ้าน ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆก็มีอยู่ 2-3 รายที่ถูกวิญญาณดังกล่าวหลอก หรือไม่ก็มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบฯ ได้ทำพิธีทำบุญให้แก่ดวงวิญญาณดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ทำให้เกิดความหวาดผวาในหมู่ตำรวจและผู้ต้องหาที่ทราบเรื่องดังกล่าวเป็น อย่างมาก

No comments:

Post a Comment