Sunday, May 23, 2010

--ข้อคิดดี ๆ อยากให้อ่าน--‏














Monday, May 3, 2010

ลำบากเพียงนิด แต่เต็มอิ่มในใจ?‏

ข้อความบังเอิญ.... พอดีมีเพื่อนส่งมา ให้ อ่านแล้วรู้สึกดี ยาวไปนิด แต่ก็อยากให้ทุกคนอ่าน
“มีคนเคย บอกว่า...ชีวิตคือความบังเอิญ..
แต่ความบังเอิญบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง...มุม มองเราใหม่ทั้งชีวิต”
ผมไม่เคยเชื่อในข้อความนี้...จนกระทั่งวันธรรมดาวัน หนึ่ง ที่ผมเปิดมือถือขึ้นตอนเช้า
ผมได้รับข้อความ SMS บอกว่า ผมมีข้อความ เสียงฝากไว้ ใน Voice Mail Box ของผมให้โทรเข้าไปฟัง...

ผมกด เข้าไปฟัง แต่พอฟัง...ผมกลับรู้สึกแปลกใจใหญ่เพราะเสียงของคนที่ฝากข้อความไว้นั้นผมไม่ คุ้นเอาเสียเลย...
และยิ่งฟังข้อความที่ฝากไว้...ยิ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับผมเลย ด้วยซ้ำ แต่เสียงเศร้า ของชายสูงวัยนั้น ทำให้ผมสะดุดใจผมอย่างยิ่ง

“ ชัย...นี่พ่อนะ พ่อพยายามติดต่อลูกหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ คือ พ่อต้องเข้า รพ.ไปผ่าตัดอาทิตย์หน้า และหมอให้พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่พรุ่งนี้ ที่บ้าน ไม่มีคนอยู่ ถ้าลูกว่างก็แวะมาได้ที่โรงพยาบาลโคราช บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่ มาก...”

เสียงปลายทาง...สิ้นสุดลง ผมอึ้งและงง กับข้อความที่เพิ่งฟังจบ ไป อยู่พักหนึ่ง

ผมไม่ได้ชื่อชัย...และผมก็ไม่มีพ่ออยู่โคราช พ่อผมเสีย ไปนานมากแล้ว...
ผู้ชายคนนั้นคงกดเบอร์โทรผิด ผมคิดแค่นั้น และพยายามไม่ได้ สนใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งฟังมา
ทำไมต้องสนใจ? มันไม่เกี่ยวกับผม!

แต่ ตลอดวันนั้น เสียงล้าๆ เหนื่อยๆ ของชายคนนั้นที่ฝากไว้ใน Voice Mail Box วน เวียนเข้ามารบกวนใจผมเป็นระยะ...
ผมได้แต่คิดว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะลืมมัน? มัน ไม่ใช่หน้าที่อะไรของผมที่จะต้องสนใจ กับแค่การฝากข้อความผิดเบอร์...

แต่ประโยค “บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก...” มันทำให้ผมรู้สึกแย่ หากไม่ลุก มาทำอะไรสักอย่าง

ผมตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขที่โทรมาฝากข้อความ ไว้....ซึ่งเป็นโทรศัพท์บ้าน...
ผมโทรไปหลายต่อหลายครั้ง ไม่มีคนรับสาย.... ใช่ป่านนี้เค้าคงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
ผมได้แต่ถอนใจและพยายามบอกว่าตัวเองทำ ดีที่สุดแล้ว...

แต่ตอนเย็นของวันนั้น ในที่สุด ความสำนึกดี...(ที่มี อยู่ไม่มากนักในตัวผม)
ก็(ดัน) ดลบันดาลในให้ผม หาทางออกได้ว่า ผมน่าจะลอง โทรไปหาเบอร์มือถือที่ใกล้เคียงกับผมดู
เผื่อบางที อาจจะมีเบอร์ใด...ที่อาจ จะเป็น ลูกชายของคนที่ฝากข้อความไว้ก็ได้
เพราะถ้ากดผิดได้แสดงว่าหมายเลขคง จะห่างกันไม่มาก

ผมตัดสินใจไล่...กดเบอร์มือถือ ที่ใกล้เคียงกับเลขหมาย โทรศัพท์ของผม ตั้งใจว่าจะกด แค่สิบเบอร์แรก...เท่านั้น
โดยเรียงจากเลขที่ ใกล้เคียงกันมากที่สุด...ผมทำมันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก..
เพราะ มันไม่สนุกเลยที่คุณจะต้องโทรไปหาใครที่ไม่รู้จักแล้วบอกเค้าว่า

“สวัสดี ครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียง กับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า....”

ทายซิครับ...ผมได้รับคำตอบ....อะไรบ้าง?
บ้างก็วางสายใส่อย่างไม่ ปราณี...
บ้าง..ก็ถามกลับมาว่า คุณบ้าหรือเปล่า?
แต่คำตอบยอดนิยมที่ผมได้ รับ...คือ....“ขอโทษนะค่ะ...ดิฉันไม่ซื้อประกันตอนนี้...และทำบัตรเครดิตครบทุก ธนาคารแล้วค่ะ”
ผมอยากจะบ้าตาย..ผมไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องประกัน กับ บัตรเครคิตซะหน่อย..เฮ้อ...

บางที...คนสมัยนี้ คงยุ่งเกินกว่าที่จะ คุยกับคนแปลกหน้า..ก็ได้...มั้ง……
ผมนึกโกรธ เจ้าความสำนึกดีในตัวเอง...ที่ มันยังดึงดันพยายามต่อ...
จากที่ตั้งใจว่า จะโทรแค่ 10 เบอร์ที่ใกล้เคียง เท่านั้น แล้วผมก็ลามปาม...โทรไปถึง..สามสิบเบอร์
แต่ในที่สุด..ผมก็ต้อง.. ถอนใจ ...หมดหวัง..เมื่อเบอร์สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้
ผม...ตัดสินใจฝากข้อ ความ Voice Mail ของหมายเลขที่ผมลองสุ่มโทรไป... ด้วยประโยคที่ผมพูดซ้ำกัน มากกว่า 30 รอบ อย่างเชี่ยวชาญ

“สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ... ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ ผิด และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่า ตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า....”

ผมวางสาย...เบอร์โทรที่เป็น... เป้าหมายสุดท้าย...เสร็จสิ้นไปแล้ว...
ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า...ผมทำดีที่ สุดแล้ว...และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรอีก
ผมหลับตานึกภาพพ่อของคนที่ชื่อชัย.... ที่ต้องนอนป่วยโดดเดียวที่โรงพยาบาล
ผมได้แต่หวังว่า เค้าจะมีช่องทางการ ติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่ทำให้สองคนนี้ได้คุยกันได้
แต่แล้ว...สวรรค์ ก็คง มีตาอยู่บ้าง...
(จริงๆ ผมว่าสวรรค์น่าจะมี Call Center เพราะถ้ามีแค่ตาบาง ทีอาจจะมองไม่เห็นทุกคนที่เดือดร้อน)

แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากเลข หมายหนึ่งเข้ามา นั่นคือ เลขหมายสุดท้ายที่ผมฝากข้อความไว้ใน Voice Mail นั้น เอง

“ขอโทษนะครับ คุณใช่คนที่ฝากข้อความไว้ใน Voice mail ของผมหรือ เปล่า? ผมชื่อชัย…”
และแล้วภาระกิจอันยิ่งใหญ่ของผมก็สำเร็จ เมื่อคนที่ชัย โทรกลับมาจริงๆ

แม้ในน้ำเสียงของเค้าดูจะไม่ค่อยไว้วางใจกับเรื่องที่ผม เล่าเท่าไหร่ และยังสงสัยอยู่หลายประเด็น
แต่เมื่อผมบอกว่าเขาสามารถโทรไปสอบ ถาม ที่โรงพยาบาลโคราชได้ว่ามีชื่อพ่อเค้าอยู่หรือเปล่า
เขาวางหูและเงียบหาย ไปพัก และโทรกลับมาขอบคุณผม
เพราะที่โรงพยาบาลโคราชยืนยันว่ามีคนป่วยเป็น มะเร็งขั้นสุดท้ายที่ชื่อตรงกับคุณพ่อของเค้าจริงๆ
ผมอึงไปพัก...เมื่อรู้ ว่า...น้ำเสียงล้าๆ...ที่ผมได้ยินจาก Voice Mail Box นั้นเกิดจากการเป็นโรคร้าย ระยะสุดท้าย..

ชัยรีบเดินทางกลับไปโคราช เขาไปถึงก่อนที่พ่อจะผ่าตัด
แค่หนึ่งวัน ชัย โทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง
เขาเล่าว่าสาเหตุที่เขาต้องปิดมือ ถือ หนีหน้าครอบครัวและคนอื่น
เพราะธุรกิจที่เขาที่กรุงเทพมีปัญหา เขาต้อง หนีเจ้าหนี้ที่ตามทวงอย่างหนัก
เขาบอกว่า แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดของเขา ตอน นี้ อย่างน้อย เขาก็ได้มีเวลาได้ดูแลพ่อ แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม

ผมยังเก็บข้อความเสียง ของคุณพ่อของชัยเอาไว้ และ แอบกด เข้าไปฟังอีกหลาย ครั้ง
เพราะ ท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย จนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่นของผม
ข้อความเสียงนั้น ใน Voice Mail Box ที่ผมได้รับโดยบังเอิญนั้น...คอยเตือนให้ผม รู้ซึ้ง ถึงความหมายของคำ ว่า


“การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย... เพื่อคนอื่นบ้างนั้น ใครจะรู้ว่า...บางที มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของ อีกคนหนึ่งก็ ได้”

ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่‏.

มีประโยชน์มาก โปรดอ่านและเผยแพร่แก่ผู้ใกล้ชิดด้วย

ห็นว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ จึงอยากเผยแพร่ต่อ....หากใครได้ดูรายการ "ข้อเท็จจริง..วันนี้" ทางช่องยูบีซี 7
ที่มีการการพูดคุยกับ
ศ.นพ.รุ ่งธรรม ลัดพลี เกี่ยวกับเรื่อง "ภาวะสมองเสื่อง..กับไข่ไก่"
เรื่องที่มีการการสนทนากันนั้น
พอจับใจความหลักๆ ได้ว่า ... จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวันนั้น
จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
ทางคุณหมอบอกว่าอยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย
เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น
ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย
แต่มากด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด
การที่หลายๆคนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น
เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง
คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว
มันไปเพิ่มอีกเพียง
20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด คุณหมอบอกว่า
โรคอัลไซเมอร์นั้น
ผลการวิจัยล่าสุด ระบุว่า เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อย หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละ อย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ
คุณหมอรักษาผู้สูงอายุหลายๆคนที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค
ขนาดอายุ 80 กว่าคุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง
คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ
2 ฟอง ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้
ก็กลับมาเดินได้
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทา, และอีกหลายๆชนิด
แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม
ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า
ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น
อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้
ก็ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด
ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว
โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุด
ก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีสติ ปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว
หากอยากฉลาด ต้องทานไข่
คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพเพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

เพื่อน!! สำคัญเสมอ

**มีข้อความไม่สุภาพ โปรดใช้หัวใจในการอ่าน ด้วย**

' เพื่อน!! สำคัญเสมอ'


ระหว่างเพื่อนกะแฟน...


++ อาหาร ++
เพื่อน: ข้าวราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30 แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ข้าว - สปาเก ตตี้
เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
-------- ------------------ --------------------------
++ ข้ามถนน ++
แฟน: ข้ามได้มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอ กูด้วย(แม่งข้ามไปนานละ)
-------------------------- ----------------- ---------
++ เวลาเดิน ++
แฟน: แนบชิดประหนึ่งตัวดูดแบบ สุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตายห่า!!
------ -------------------- --------------------------
++ บนรถ เมล์ ++
แฟน: นั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบ หน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
-------------------------- ----------------- ---------
++ เงิน ++
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
- ------------------------- --------------------------
++ มา สาย ++
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่วะ มา โคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมาก่อนแม่ง
ได้ 5 นาที เหมือนกัน)
-------------------------- ------------------------- -
++ ช่วยทำธุระ ++
แฟน: ว่างเสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึง ที่นั่นกี่โมงดี
จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เพื่อน: ไม่เคย ว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ
แต่พอดีแม่กูให้ ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ
แล้วบ่ายๆต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่าง แล้วละ
-------------------------- ------------------------- -
++ กลับบ้านดึก ++
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคน เดียวอันตราย
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะ เว้ย
-------------------------- ------------------------- -
++ ป่วย ++
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กินยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ( แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออก มาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
---------------------------
++ สอน หนังสือ ++
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหมาแทนข้าวไงวะ
-------------- ------------ --------------------------
++ วาเลนไทน์ ++
แฟน: ให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………( วันนี้มันไม่มีตัวตน)
-------------------------- -------------------- ------
++ โดนทิ้ง ++
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่ามายุ่งกับ เรา / ไปไหนก็ไปรำคาญ (so sad)
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึง ยังมีกูอยู่




ถ้าเห็นด้วยกรุณาส่ง ต่อ (ถ้าไม่ส่งถือจะว่าไม่เห็นด้วย)